วันพฤหัสบดีที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2553

แนะนำยุวพุทธ






๖๐ ปี ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทยฯ
(พ.ศ.๒๔๙๓-๒๕๕๓)
เพราะมีท่าน... จึงเติบโตเป็นร่มไม้... สงบงาม

ก ํา เ นิ ด ยุ ว พุ ท ธ

ธรรมดาการก่อกำเนิดซึ่งสภาวธรรม อันกอปรด้วย บริบทแวดล้อมแห่งธรรมที่เกี่ยวข้อง จะเป็นธรรมปิฎกก็ดี คติธรรมก็ดี หรือแม้ในสิ่งอันเกิดขึ้นภายหลังในรูป ของวัตถุธรรม สิ่งเหล่านี้ล้วนมิได้ถือกำเนิดขึ้นโดยง่าย

หากจักย้อนมองถึงเรื่องราวอันยิ่งใหญ่แห่งมหาบุรุษ พุทธคุณ เราทุกผู้ย่อมจักรู้ได้ว่า ธรรมะอันงดงามที่เรารู้จัก ณ ปัจจุสมัยนี้ ได้เกิดขึ้นจากความเพียรแห่งองค์ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่ตั้ง

การที่บุรุษหนึ่งจะพึงละทิ้งความสุขสะดวกสบายเพื่อมาค้นหาความหมายแห่งชีวิตในวัยฉกรรจ์ นั้นมิใช่เรื่องโดยง่ายและพึงปกติ แลพลังแห่งพุทธิปัญญานั้นเล่าก่อเกิดขึ้นจากสิ่งใด จากพระสติ อันผ่องใสจากวัยที่มีพลังพรั่งพร้อม และกล้าที่จะน้อมนำคำสอนอันบรรลุแล้วนั้น ลุแด่ความเข้าใจ ต่อผู้อื่น รอยพระพุทธบาท ที่ย่ำผ่านร้อน ผ่านหนาว ผ่านทุกข์เข็ญนานับ ออกเผยแผ่ธรรมไปทั่ว แคว้นแผ่นดิน อย่างไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย อุทิศตน อุทิศชีวิตตั้งแต่วัยหนุ่มจวบจนวัยร่วงโรยแห่ง พระองค์นั้น ได้บอกกล่าวอะไรเป็นปริศนาธรรมโดยเฉพาะ แก่คนในวัยหนุ่มสาวที่ยังมีพลังกาย อย่างเต็มเปี่ยม และพร้อมที่จะใช้พลังกายนั้นของตนออกย่ำตามรอยบาทเพื่อเสาะแสวงหาความ เข้าใจของชีวิต

กว่า ๖๐ ปี แล้วที่ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ถือกำเนิดขึ้น ๖๐ ปี อันก่อกำเนิดมาจากพลัง ความคิดของคนหนุ่มสาว ที่พร้อมจักก้าวย่างตามรอยบาท แห่ง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อแผ้วถางทาง เพื่อสร้างทางธรรมอันยิ่งใหญ่ คนหนุ่มสาว เหล่านี้ล้วนรู้ดีว่า แรงกาย แรงใจแลแรงศรัทธา จากพลังแห่งวัยอันบริสุทธิ์ จากจิตใจอันแน่วแน่ จะเป็นสิ่งสำคัญอันยึดเหนี่ยว ที่จักเกาะเกี่ยวกันและกันไว้ ทุกคนรู้ดีว่าแผ่นดินยังต้องการร่วมแรง บ่มเพาะพืชพันธุ์แห่งธรรมอีกมาก แลพืชพันธุ์ที่ว่านี้หากจะเปรียบได้ก็คือพืชพันธุ์ อันตระการของ ดอกบัวงาม กระจ่างที่บานออก รองรับรอยบาทแห่งองค์มหาบุรุษผู้ก้าวอย่างไม่ยั้งหยุด ก้าวรุด ไปข้างหน้า ก้าวอย่างไม่ท้อถอยหลัง ก้าวย่างอย่างมีสตินำพาแสงสว่างจากเยาว์วัยสู่การเติบใหญ่ แห่งธรรม เฉกเช่นเดียวกันนี้ยุวพุทธิกสมาคมฯ จึงกำลังก้าวย่างจากการเริ่มต้นสู่หนทางข้างหน้า เช่นกัน จากพลังแห่งยุวชนที่พร้อมจะอุทิศตน เพื่อพระพุทธศาสนา


ป ร ะ วั ติ ยุ ว พุ ท ธิ ก ส ม า ค ม แ ห่ ง ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย ฯ

เมื่อสงครามโลกครั้งที่ ๒ สงบลง หนุ่มสาวชาวพุทธในกรุงเทพมหานครกลุ่มหนึ่งที่มีความ
สนใจทางด้านพระพุทธศาสนา ประกอบด้วยบุคคลสำคัญ ๓ ท่าน คือ

๑. นายเสถียร โพธินันทะ
๒. นายบุญยง ว่องวานิช
๓. นายสุพจน์ แสงสมบูรณ์

ทั้ง ๓ ท่านจัดตั้ง "คณะยุวพุทธิกะ" ขึ้นเมื่อวันพุธ ที่ ๑๕ มกราคม พุทธศักราช ๒๔๙๒ โดย มีความเห็นพ้องกันว่า จะต้องตั้งสมาคมเผยแผ่พระพุทธศาสนา สำหรับคนวัยเดียวกัน เพื่อจะได้ ชักจูงคนหนุ่มสาว ให้มาสนใจในพระพุทธศาสนา และแก้ความเข้าใจผิดของคนปัจจุบันที่ว่า ศาสนาเป็นของคนคร่ำครึ โดยได้รับความเมตตาจาก พระศรีวิสุทธิญาณ หรือสุชีโวภิกขุ (ท่านอาจารย์สุชีพ ปุญญานุภาพ ถึงแก่กรรม ) แห่งวัดกันมาตุยาราม อนุญาตให้ใช้พระอุโบสถเป็นสำนักงานในขณะนั้น

ระยะแรกจัดกิจกรรมปุจฉา-วิสัชนาธรรมในวันอาทิตย์ ปฏิบัติกิจในพระพุทธศาสนา และปฏิบัติสมถะวิปัสสนาภาวนา ได้รับความสนใจจากประชาชนทั่วไป และได้รับความ ชื่นชมจากผู้ใหญ่ ในสมัยนั้น



พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ นายบุญยง ว่องวานิช
นายกยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ นำคณะกรรมการเข้าเฝ้าเมื่อ วันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๐๓


วันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๔๙๓ จดทะเบียนจัดตั้งเป็นสมาคมอย่างเป็นทางการ มีกรรมการ ๑๑ คน เป็นยุวพุทธิกสมาคมแห่งแรกของประเทศไทย มีสำนักงานชั่วคราวอยู่ในวัดกันมาตุยาราม กรุงเทพมหานคร
ได้ทำพิธีเปิดป้ายสำนักงานในวันออกพรรษา ตรงกับ วันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๔๙๓
ต่อมาวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๐๓ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ รับยุวพุทธิกสมาคมฯ เข้าไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ สมาคมจึงได้ชื่อว่า
"ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรม ราชูปถัมภ์" ใช้อักษรย่อ "ย.พ.ส."


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ เจ้าฟ้าทั้ง ๔ พระองค์ ทรงเป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์
เมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๑๒



วันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๑๒ คณะกรรมการของสมาคมได้รับพระบรมราชานุญาตให้เข้าเฝ้าถวายเข็มเครื่องหมายสมาคมแด่ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอและสมเด็จพระเจ้าลูกเธอทั้ง ๔ พระองค์ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐานซึ่งทรงรับเป็นองค์สมาชิกกิตติมศักดิ์ในครั้งนั้นด้วย ๒๔๙๓
วันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๓๒ คณะกรรมการของสมาคมได้รับพระกรุณา ให้เข้าเฝ้าถวายเข็มเครื่องหมายสมาคม แด่พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลีพระวรชายา (พระอิสริยยศในขณะนั้น) ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารและพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน ทรงรับเป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์ทั้ง ๒ พระองค์
์ปี พ.ศ.๒๕๑๘ นายขวัญ เอี่ยมอ่อง คหบดีผู้ใจบุญ ได้ทูลเกล้าถวายที่ดินจำนวน ๕ ไร่ ที่แขวง บางด้วน เขตภาษีเจริญ แด่สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ซึ่งพระองค์ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ พระราชทานให้เป็ นที่ตั้งสมาคมจวบจนทุกวันนี้
๒๔ พฤษภาคม ๒๕๒๒ ฯพณฯ ศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ เป็นประธานพิธีวางศิลาฤกษ์ อาคารหลังแรกของสมาคม คือ "อาคารว่องวานิช"
วันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๒๓ ย้ายสำนักงานจากวัดกันมาตุยาราม มาอยู่ ณ อาคารหลังใหม่
ปีพ.ศ.๒๕๒๔ ก่อตั้งโรงเรียนยุวพุทธพิทยา เพื่อจัดการศึกษาแก่เด็กนักเรียนอนุบาลอายุ ๓ - ๕ ปี โดยปลูกฝังให้เด็กนักเรียนมีความรู้ด้านวิชาการและธรรมะเบื้องต้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น